วันนี้เราจำเป็นที่ต้องออกไปยังตัวเมืองเกียวโต ก็คุณลุงที่เค้าขายกล้อง Nikon D3100 ให้เมือสองอาทิตย์ก่อน แกโทรมาหาว่าให้มารับคู่มือกล้องที่เป็นภาษาอังกฤษได้ ก็เรื่องมันเกิดเมื่อตอนเราไปซื้อกล้องที่ Yodobashi ที่เพิ่งเปิดไปเมือ 4 พย. 53 ก็ตอนแรกเราตั้งใจกันว่าจะไปซื้อกล้องที่ Big camera แต่ดันหาไม่เจอเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้านู้น เพราะคิดว่าคงหาไม่ยากเลยรืบๆออกไป แต่บังเอิญห้าง Yodobashi เค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่พอดีตรงข้ามกับสถานีรถไฟเกียวโต พวกเราเลยหลงทางเข้าไปอณาจักรเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งใหม่ของเกียวโต เดินดูเทียบราคาจากเวบ แล้วก็เทียบกับ Bigcamera เห็นว่าราคาก็ไม่ต่างกันมากนัก แต่บังเอิญไปเจอคุณลุงอายุประมาณ 50 กว่าๆแล้วแกเป็นพนักงาน Yodobashiสาขาโตเกียว มาช่วยราชการที่เกียวโตน่ะ แกพูดภาษาอังกฤษพอได้ แล้วแกก็เลยอาสาเป็นคนแนะนำสินค้าให้กับเราด้วยบริการอย่างมืออาชีพ แกคงจะเป็นนักขายที่มีประสบการณ์มาแล้วโชกโชนล่ะ แล้วแกยังบอกว่าเราเป็นคนต่างชาติจะได้รับส่วนลดไปห้าเปอร์เซนต์ ของสินค้า ก็เลยสบายเลย ขอบคุณคุณลุงมากนะครับ แล้วตอนที่ซื้อน่ะ มันไม่มีคู่มือภาษาอังกฤษแกเลยบอกว่าเดี๋ยวถ้าของมาจะโทรมาหานะ พอกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณลุงแกโทรมาให้มารับคู่มือได้ แหมน่ารักมากเลยนะคุณลุงนักขายแล้ววันนี้พวกเราก็ต้องไปรับคู่มือที่ว่านั้น ก็เลยมีแผนที่จะเที่ยวไปด้วยซะเลย ไหนๆก็ไปแล้วทั้งที เอากล้องไปลองซะหน่อยแบบมือใหม่หัดขับ ออกเดินทางตั้งแต่เช้าเลย จริงๆก็ไม่เช้าหรอกนะ เก้าโมง แต่ก็เช้าแล้วแหละสำหรับคนที่นี่ เพราะเด็กในแลปเค้ามาทำงานตอนสิบเอ็ดโมงน่ะ แต่ก่อนจะไปห้างเราไป ตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเกียวโตก่อนล่ะกัน นั่นคือ ตลาดนัดวัดโทจิ (Toji Temple) จะมีทุกๆวันที่ 21 ของทุกเดือน เพราะว่าเป็นวันที่พระชื่อดังของวัดแห่งนี้ที่ชื่อ Kōbō Daishi เสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 ของ เดือนมีนาคม ตลาดที่เรามาเที่ยวนี้เป็นที่รู้จักของชาวเมืองเกียวโตในชื่อว่า Kōbō-san โดยในวันที่ 21 ของเดือนธันวาคมจะมีสินค้าในเลือกชมมากกว่าทุกเดือนเนื่องจากเป็นการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ว่างั้นเถอะ
จริงๆแล้วตลาดนัดในเกียวโตที่ดังๆยังมีอีกสองแห่งคือ ทุกวันที่ 25 จะมีที่ Kitano Tenmangu หรือที่รู้จักในนาม Tenjin market เป็นวัดเซน ส่วนอีกวันนึงคือ ทุกวันที่ 15 ของทุกเดือนจะมีที่ Yoshida ในวัดที่ชื่อ Chioji Temple ใกล้กับมหาวิทยาลัยเกียวโต แต่ก็ยังมีตลาดนัดพิเศษอีกหลายที่ไม่ว่าจะเป็นของ KICA (Kyoto International Cultural Association) จะให้สิทธิพิเศษกับนักเรียน นักศึกษาได้เข้าไปซ้อปก่อนโดยต้องแสดงบัตร เพราะเป็นการช่วยเหลือนักเรียนที่ไม่มีรายได้ให้ได้มีของใช้ดีๆ (ของส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพใหม่เอียม ) เอ่อ นี่ก็เป็นแนวคิดที่ดีของญี่ปุ่นที่ไม่ลืมอนาคตของชาติ ชาวบ้านก็จะช่วยกันเอาของมาขายช่วยเหลือเด็กๆไป แล้วเด็กๆเหล่านี้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะคืนสิ่งดีๆให้แก่สังคม
เล่าไปไกลอีกล่ะ กลับมาที่เรื่องวัดโทจิที่ไปมานั้นจะขายของทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ของที่ระลึก ของสะสม ไล่ไปตั้งแต่ผักดอง ปลาหมึกแห้ง ทาโกยากิ โอโคโนมิยากิ ขนมไข่ ขนมปลา โมจิย่าง เซมเบ้ เยอะแยะมากมาย เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มก็มากมายมีทั้งใหม่และเก่า ส่วนของที่ระลึกส่วนใหญ่จะราคาแพง นักเรียนอย่างเราๆต้องจ้องดูได้เท่านั้นแหละครับ พวกเราวันนี้ก็เลยไปชิมอาหารขนมที่เค้าวางไว้ให้ลองชิมดู ไล่ไปตั้งแต่ขนมไข่ ปลาหมึกย่าง ลูกพลับตากแห้ง กาแฟญี่ปุ่น เล่นเอาซะเกือบอิ่มเลย แต่ที่น่าสนใจก็คือรสชาติขนมหรืออาหารของแต่ละร้านจะมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เรียกว่าสูตรใครก็สูตรมัน วันนี้เราก็เลยแวะไปซื้อปลาหมึกแห้งย่าง เค้าเอาปลาหมึกเหมือนบ้านเราไปย่างก่อน แล้วตอนบดเค้าเอาเครื่องบดไฟฟ้าทำแทนการบดด้วยเครื่องบดปลาหมึกมือแบบบ้านเรา ได้ปลาหมึกย่างบดซะยาว แบน เหลืองน่ารับประทาน ก็ได้รสชาติแตกต่างกับบ้านเราไปอีกแบบ
พวกเราใช้เวลาแค่เพียงชั่วโมงครึ่งในการเดินเที่ยวดูตลาดนัดเพราะเรามีภารกิจอีกสามที่ที่เราจะต้องเดินทางไป (ก็ไหนๆก็ปั่นจักรยานจากหอพัก ชูกากูอินทที่อยู่ทางตอนเหนือของเกียวโต มาแล้วนี่ ไกลมั่กๆ) พวกเราก็ได้แค่ถ่ายภาพเจดีย์ไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นของวัดโทจิมาด้วย สูง 57 เมตร ก็สิ่งนี้แหละที่ทำให้ Unesco เลือกให้วัดนี้เป็นมรดกโลก แล้วตัววัดก็ยังสร้างมาตตั้งแต่ปีค.ศ.796 ได้รับการบูรณะเรื่อยมา ทางวัดไม่อนุญาติให้ขึ้นไปบนตัวเจดีย์ครับ แต่เข้าไปในบริเวณวัดน่ะได้ ต้องเสียค่าผ่านประตู ซึ่งวัดนี้ยังไม่ได้เป็นเป้าหมายของพวกเราก็เลยไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชม อืมมม ต้องไปต่อแล้วล่ะ ....